About Me

รูปภาพของฉัน
Bangkok, Thailand
นักเดินทางอิสระ

2/20/2552

นิวซีแลนด์เกาะใต้ - ขับรถเที่ยวสบายๆ 9 วัน

นิวซีแลนด์เกาะใต้

วันที่ 1 Christchurch - Oamaru - Dunedin (5.30 hrs drive/ 365 km)
เส้นทางขับรถเป็นทางเรียบ ขับง่ายแต่ไม่ค่อยมีวิวสวยๆให้ดูเท่าไหร่

วันที่ 2 Dunedin - Alexandra - Queenstown (3.5 hrs drive/ 280 km)
ตอนเช้าหากมีเวลาให้แวะไปที่ Larnarch Castle และ
ถนนที่ชันที่สุดในโลก และลองขับขึ้นไป ตอนลงให้ปล่อย
เกียร์ว่างลงมา น่ากลัวดี แต่ต้องขับรถแข็งๆ หน่อยนะ

วันที่ 3 Queenstown
วันนี้สบายๆ เดินเล่น ถ่ายรูป ขึ้น Skyline Gondola
ลอง Bungy Jump (สำหรับคนที่ชอบความเสียว)
หรือลองเล่น Shotover Jet ถ้าจะชอปปิ้งก็ให้ดูพวก
Beach Brand เช่น Billabong, Rip Curl หรือพวก
Roxy ก็ได้นะ อ้อมี Louis Vuitton ด้วย แต่เป็นร้านเล็กๆนะ

วันที่ 4 Queenstown - Milford Sound - Queenstown (10 hrs drive/ 362 km)
วันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อยนะ และต้องเตรียมอาหารทานเล่น
ไปบ้างระหว่างวัน เพราะต้องเดินทางไกล และบางช่วง
ไม่มีร้านค้า หรือที่เติมน้ำมันรถด้วย ดังนั้นเจอที่ไหนขอ
ให้เติมไปก่อนเลยค่ะ ที่ Milford Sound ไม่สวยอย่างที่
เห็นในรูป อาจจะเป็นเพราะวันที่เราไปเจออากาศขมุกขมัว
เมาเรือด้วย

วันที่ 5 Queenstown - Arrowtown - Lake Wanaka (1.25 hrs drive/ 103 km)
วันนี้เราออกเดินทางจาก Queenstown ระหว่างทางแวะที่
Arrowtown เป้นเมืองที่เคยโด่งดังจาก การขุดทองสมัยก่อน
ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีการเก็บรักษาไว้เหมือนเดิม มีหลายๆบ้านที่น่ารัก
ใบไม้เปลี่ยนสี และที่สำคัญคือร้านขายพรมแกะใหญ่ที่สุดที่เราเจอมา
ซื้อติดมือกลับมาได้รวมประมาณ 12 ตัวเลย จากนั้นตรงไปที่ Lake Wanaka

วันที่ 6 Lake Wanaka - Twizel - Mt.Cook - Lake Tekapo (4.50 hrs drive/ 298 km)
วันนี้เราจะเดินทางกันไปที่ Mt.Cook ที่โด่งดัง
เราโชคดีที่ฟ้าเปิดในวันนี้ สีสวยไปหมดทุกอย่าง

วันที่ 7 Lake Tekapo - Kaikoura (5.20 hrs drive/ 414 km)
วันนี้เป็นวันเดินทาง ต้องขับรถไปที่ Kaikoura เมืองชายทะเล

วันที่ 8 Kaikoura
เริ่มตอนเช้าด้วยการไปลงเรือว่ายน้ำกับปลาโลมา
มีการอบรมก่อนลงว่าไม่ควรพยายามจับปลา
และควรทำเสียงอย่างไรให้ปลาว่ายมาหา
ซึ่งพอลงไปจริงๆ พวกผู้ชายบอกว่าปลาว่ายเร็วมากๆ ไม่
มีทางที่จะจับได้ และเรียกอย่างไรก็ไม่มา

วันที่ 9 Kaikoura - Christchurch (2.20 hrs drive/ 184 km)
วันนี้เราขับกลับไปที่ Christchurch เพื่อเตรียมกลับกรุงเทพ

วันที่ 10 Christchurch - BKK


หลังจากลงจากเครื่องพวกเราไปรับรถที่จองไว้ และเริ่มขับลงใต้มาที่เมือง Dunedin ที่เต็มไปด้วยศิลปะสมัย Victorian บ้านเมืองสะอาด และสวยงาม ที่สำคัญอากาศสะอาดมาก สดชื่นทันทีที่ได้สูดเข้าไปเต็มปอด

อันนี้แวะผ่านที่ Oamaru ก่อนไปที่ Dunedin

สวนที่ Larnach Castle

นั่งทานอาหารเช้าที่ Lanarch Castle

Larnach Castle

แวะถ่ายรูปที่ถนนที่ลาดชันที่สุดในโลก อยู่ที่ Dunedin

ดูรูปก็เข้าใจแล้ว

Queenstown เมืองท่องเที่ยวของเกาะใต้ ล้อมรอบด้วยภูเขาที่มีหิมะปกคลุมบนยอดทั้งปี

ที่พักสุดหรูของเราที่ The Glebe Luxury Apartments

Suits 3 Bedrooms ที่ The Glebe มี Balcony เห็นวิวของทะเลสาบและภูเขา

Milford Sound ขับรถประมาณ 10 ชั่วโมง และนั่งเรือออกไปประมาณ 1 ชั่วโมง
ระหว่างทางขับรถไป Milford Town พักถ่ายรูปสายรุ่งข้างทาง

ของจริงสวยกว่าในรูปมากนะ

รถ Van คันเก่งของเรา 4 คน

ตามทางจะพบแต่แกะ ไม่มีผู้คนกันหรอกที่เมืองนี้

Arrowtown เมืองเล็กๆ ที่มีใบไม้เปลี่ยนสี และเป็นที่ซื้อพรมแกะที่ดีที่สุด

Shotover Jet สนุกดีไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีหมุน 360 องศาด้วย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถ ก็สามารถไปที่จุดรับส่งได้ที่ในเมือง

Lake Wanaka รูปถ่ายจากที่พักของเรา

Puzzling World ของ Stuart Landsborough ที่ Lake Wanaka รูปจำลองเหมือนนั่งทำธุระส่วนตัว
ด้านหน้า Puzzling World มีห้องต่างๆมากมายข้างใน แนะนำให้ลองแวะเล่นดู

Lake Wanaka แสงสวยมากตอนเช้าๆ มีร้านอาหารฝั่งตรงข้ามนั่งทานและดูบรรยากาศด้วย

ที่พักที่ Lake Tekapo ได้ห้องมุม มองเห็น Lake เลย

Mt.Cook

Mt.Cook ยอดเขาที่สูงที่สุด เราโชคดีที่ฟ้าเปิดและถ่ายเห็นยอดภูเขา สีท้องฟ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ

Mt.Cook ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาศได้เห็นฟ้าใสๆอย่างนี้

ตอนขับลงจาก Mt.Cook เจอ Lake อันนี้ สีน้ำสวยมาก ฟ้าใส เนื่องจากเป็นน้ำที่ละลายจากน้ำแข็ง

วันใหม่ที่ Kaikoura เมืองชายทะเลที่เป็นแหล่งดูปลาวาฬ และว่ายน้ำกับปลาโลมา
พวกผู้ชายสวม wet suit เตรียมตัวลงน้ำว่ายกับปลาโลมา หมายเหตุ น้ำเย็นประมาณ 5 องศา หรือต่ำกว่านั้น คุณสามี เกือบแย่ ซื้อกล้องถ่ายรูปใต้น้ำไป แต่ไม่สามารถถ่ายน้องโลมาได้เลย เพราะว่ายเร็วเหลือเกิน แนะนำให้เตรียมยาดม และยาแก้เมาไป เพราะตอนเรือจอดจะโคลงเคลงไปมา

ลงไปแล้วค้า

วันสุดท้ายแล้ว มาถ่ายรูปที่โบสถ์กลางเมือง Christchurch

กลับบ้านกันแล้วค่ะ



































เยี่ยมชมโรงแรมหรู เสียมเรียบ อังกอร์วัด

AMANSARA Hotel
เป็นโรงแรมใน chain ของกลุ่ม AMANSARA ที่ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ใกล้กับ Royal Garden ใจกลางเมือง เป็น Luxury Hotel ที่ Private & Exclusive ที่สุดในเสียมเรียบ ประตูเข้าโรงแรมจะปิดตลอดเวลา หากจะเข้าต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน อาจจะดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่น่ารัก และสุภาพมาก ด้านในตกแต่งแบบบาหลีและทันสมัย มีกลิ่นอายของบ้านพักชั้นดี มีสระว่ายน้ำ ร้านอาหาร และบาราย (แหล่งน้ำ) ทุกห้องตกแต่อย่างทันสมัย กว้างขวาง มี outdoor jacuzzi เหมาะสำหรับคู่รักทั้งหลาย สนนราคาอยู่ที่ 1,300 เหรียญต่อคืน หรือประมาณ 50,000 บาท

Raffel Grand d'Angkor Hotel
ด้านนอกดูเป็นตึกเก่าสมัย Colonial ตั้งอยู่หน้า Royal Garden Park ด้านในได้รับการตกแต่งอย่างดีให้ความรู้สึกเหมือนโรงแรมรถไฟหัวหิน ที่พักประมาณ 3 - 4 ชั้น ตรงกลางโรงแรมเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ค่อนข้างพลุกพล่าน ไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควร ราคาค่าห้อประมาณ 300 เหรียญ หรือ 10,500 บาท

La Residence d'Angkor Hotel
เป็นโรงแรมที่มีต้นไม้เยอะ ให้ความร่มรื่นและเย็นสบาย ตั้งอยู่ใกล้กับ Old Market (ตลาดนัด และแหล่งรวมร้านอาหาร) โรงแรมมีเพียง 3 ชั้น มีสระว่ายน้ำตรงกลาง เป็นแนวนอน จุดเด่นคือโครงสร้างโรงแรมเป็นไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเขมรโบราณ ราคา 200 - 300 เหรียญ หรือประมาณ 7,500 - 10,500 บาท

Hotel De La Paix

Hotel De La Paix
เป็นโรงแรมในกลุ่ม Small Luxury Hotel ดีไซน์แบบ Art Deco ที่ทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดีไซน์แบบเรียบง่ายแต่ทันสมัยแบบ Minimalism มีการแฝงจุดเด่นของสถาปัตยกรรมเขมร เช่นแหล่งน้ำบาราย รูปปั้นนางอัปสรา และโดมปราสาททรงสูงในส่วนของทางเข้า ราคาประมาณ 250 เหรียญ หรือประมาณ 8,500 บาท
แนะนำให้ลองทานอาหารกลางวันที่ร้าน Meric ในโรงแรม มีรสชาดดี และ portion ที่ใหญ่พออิ่มได้ถึงเย็นเลย (ยำส้มโอที่เป็นอาหารเขมร อร่อยดี)

Victoria Angkor Hotel

Victoria Angkor Hotel
สร้างจากตึก Colonial เก่าที่ปรับปรุงใหม่ ด้านในตกแต่งสวยงามมีรายละเอียดมากมายที่น่าชม อาทิเช่น รางน้ำรูปนาค ลิฟท์แบบสมัยโบราณ และฟาร์มจรเข้เล็กๆในบารายกลางโรงแรม เป็นโรงแรมที่น่าเข้าพักมากที่สุดโรงแรมหนึ่ง สามารถนั่งจิบชา กาแฟ และเครื่องดื่มดูสระน้ำและวิวรอบโรงแรมได้อย่างไม่น่าเบื่อ ที่ตั้งก็สะดวกสบาย อยู่ด้านหน้า Royal Garden และติดกับ Raffle Hotel ราคาค่าห้องเริ่มต้นที่ 150 เหรียญ หรือประมาณ 5,250 บาท
ร้านอาหารฝรั่งเศสที่นี้ก็ขึ้นชื่อมาก ได้รับการโวตจากนิตยสาร Conde Naste ควรจองก่อนล่วงหน้า
FCC Angkor Hotel

FCC Angkor Hotel
เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่น่ารักมีจำนวนห้องพักไม่มากนัก เพียง 1 ชั้น และมีสระว่ายน้ำตรงกลาง จุดเด่นคือร้านอาหารด้านหน้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว อาหารเป็น fusion ผสมฝรั่งเศสและเขมร อร่อยทุกอย่าง นอกจากนั้นยังมีสปาที่ขึ้นชื่อที่สุด คือ Visaya Spa ราคาค่าห้องเริ่มต้น 150 เหรียญ หรือประมาณ 5,250 บาท

Le Meridien Angkor Hotel
ตั้งอยู่ใกล้กับกลุ่มปราสาท และห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 กิโลเมตร โรงแรมค่อนข้างเก่า และได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี และห้องใหญ่กว้างขวาง จุดเด่นคือลานกว้างกลางโรงแรม และสวนต้นไม้ด้านหลังของโรงแรม หากไม่ได้เข้าพักควรแวะทางอาหารอิตาเลี่ยนที่ห้องอาหาร L'Angelo ที่ถึงแม้จะมีรายการอาหารไม่มากนัก แต่ทุกจากปรุงแต่งด้วยเครื่องอย่างดี ราคาต่อห้องประมาณ 7,000 บาทต่อคืน









































































เสียมเรียบ กลุ่มปราสาทใน 1 วัน

ปราสาทนครวัด ทางเข้า
ปราสาทนครวัด ภาพสะท้อนที่มีชื่อเสียง

ปราสาทบายน (กลุ่มนครธม)

ปราสาทตาพรม และรากต้นสะปง

ปราสาทบันทายศรี ที่มีลวดลายหินทรายอ่อนช้อย
กลุ่มปราสาทที่สำคัญๆในเสียมเรียบ (สำหรับผู้ที่มีเวลาเพียง 1 วันในการเข้าดูกลุ่มปราสาท)
++ปราสาทบันทายศรี++
ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยปราสาทบันทายศรี เพราะอยู่ห่างจากกลุ่มปราสาทอื่นๆ และช่วงเช้าเป็นช่วงที่แสงแดดกำลังอ่อนทำให้เห็นลวดลายปราสาทชัดเจน งดงาม ปราสาทบันทายศรีเป็นปราสาทหินทรายที่อ่อนช้อยที่สุด ลวดลายสลักยังชัดเจนเหมือนเมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา "บันทายศรี" หมายถึงสตรี ดังนั้นปราสาทบันทายศรีจึงหมายความว่าปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี ตั้งอยู่ 30 กม จากตัวเมืองเสียมเรียบใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชัวโมง ปราสาทนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวร โดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ซุ้มประตูทางเข้า จำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณที่งดงามมาก ซุ้มทางซ้ายมือ จำหลักภาพพระอิศวรทรงโค มีพระอุมาเทวีประทับด้านซ้าย และซุ้มทางขวามือ มีรูปพระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์ (ใช้เวลาชมประมาณ 40 นาที)
++ปราสาทตาพรหม++
เป็นปราสาทที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม และถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นปราสาทเดียวที่มีต้นสะปงที่เป็นไม้เนื้ออ่อนมาปกคลุมปราสาท ปราสาทตาพรหมสร้างขึ้นในสมัยพระมหาชัยวรมันที่ 7 ถวายแด่พระมารดา (ใช้เวลาเยี่ยมชมประมาณ 30 นาที มีหลายจุดที่เหมาะกับการถ่ายรูป)
++นครธม - ปราสาทบายน++
นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเป็นเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรเขมร นครธมเป็นกลุ่มปราสาทที่ใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 9 ตารางกิโลเมตร สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 จุดเด่นของนครธม คือ ปราสาทบายนที่เป็นใจกลางของพระนคร เป็นปราสาทที่มีความขลัง แต่เมตตาด้วยพระพักตร์ของพระโพธิ์สัตว์ที่ยิ้มแย้มและสลักอยู่บนยอดปราสาทกว่า 200 หน้า ปราสาทบายนยังเป็นที่ถ่ายทำของหนัง Tomb Raider ด้วย (ใช้เวลาเยี่ยมชมอย่างน้อย 1.3 ชั่วโมง เพราะกว้างใหญ่มาก)
++นครวัด++
นครวัดสร้างในรัชสมัยของพระเข้าสุริยวรมันที่ 2 ในพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อเป็้นศาสนสถานประจำพระองค์ และเป็นเทวสถานในศาสานฮินดู ลัทธิไวษณนิกาย ปัจจุบันนครวัดนับเป็นสิ่งก่อสร้างมรดกโลก ภายใต้การค้นพบของนายอองรี มูโอต์ชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณร้อยกว่าปีมานี้เอง นครวัดถือเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคสิ้นสุดของอาณาจักรเขมร มีจุดเด่นคือความยิ่งใหญ่ของการก่อสร้าง นับตั่งแต่ทางเข้า คูน้ำรอบนคร และภาพสลักกำแพงรอบตัวปราสาท ควรใช้เวลาในการอ่านคำอธิบายและดูภาพสลักรอบปราสาทเพื่อความเข้าใจในความเชื่อและเรื่องเล่าต่างๆ (ใช้เวลาเยี่ยมชมประมาณ 1.3 ชั่วโมง)
++นางอัปสรา (อัปสร)++
การไปดูกลุ่มปราสาทจะสนุกขึ้นหากได้มีการสังเกตนางอัปสราในแต่ละปราสาท นางอัปราเป็นศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของขอม เชื่อว่าเป็นเทพที่คอยดูแลศาสนาสถาน แนะนำให้ลองหานางอัปสราที่ปกคลุมด้วยต้นสะปงที่ปราสาทตาพรหม หรือนางอัปสรายิ้มเห็นฟันที่นครวัด



เสียมเรียบ เมืองแห่งปราสาท ข้อมูลทั่วไป
















เสียมเรียบ (Siem Reap) เป็นจัดหวัดหนึ่งในกัมพูชา ห่างจากพนมเปญ (เมืองหลวง) 314 กม เสียมเรียบเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด มีนักท่องเที่ยวเยียมชมนครวัดมากกว่า 1.6 ล้านคนต่อปี เสียมเรียบ หมายถึง สยามแพ้ (เดิมเคยชื่อเสียมราฐ แปลว่าสยามชนะ) เข้าใจว่าเพิ่งมาเปลี่ยนภายหลังจากที่จอมพลป. พิบูลสงครามเคยบุกข้ามชายแดนไปขับไล่ฝรั่งเศสแต่ไม่สำเร็จ

เสียมเรียบ มีภูมิประเทศเหมือนเมืองไทย ผู้คนก็ดูหน้าตาเป็นคนไทย อาจดูไม่น่าตื่นเต้นเหมือนการเดินทางไปต่างประเทศทั่วๆไป แต่เป็นอีกเมืองที่น่าไปชม เพราะมีความยิ่งใหญ่ของกลุ่มปราสาทมากมาย โรงแรมห้าดาวที่สวยงาม ร้านอาหารที่อร่อยราคาย่อมเยาว์ และร้านสปานวดที่น่าสนใจ เรามั่นใจว่าทุกคนที่ได้ไปเยือนจะกลับมาด้วยความประทับใจ

++การเดินทาง++
แนะนำให้ไปทางอากาศเร็วกว่า บินแค่ 40 นาทีจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินบางกอกแอร์ หากมีช่วงโปรโมชั่นราคาแค่ 7,500 บาทเท่านั้น ประหยัดเวลา และสามารถเห็น landscape ตลอดทาง เนื่องจากบินไม่สูงนัก (มีบริการอาหาร เป็นสแน็กบนเครื่อง หลังจากทานเสร็จก็เครื่องลงพอดี)

++สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ++
เป็นสนามบินชั้นเดียว สร้างด้วยไม้ คล้ายๆกับบ้านทรงไทย ดูแลดี สะอาด ทันสมัย และบริการดี นักท่องเที่ยวสามารถทำวีซ่า on arrival ได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที (แนะนำให้ทำจากเมืองไทยดีกว่า รอรับได้ ราคาอยู่ที่ 20 USD สถานฑูตอยู่ที่แยกเหม่งจ๋าย) สำหรับขาออก ให้เตรียมเงินสำรองด้วย เพราะต้องจ่าย departure tax 25 USD ต่อคน ถ้ามาเร็วมีบริการนวดภายใน มีร้านขายของน่ารักๆด้วย

++ค่าใช้จ่ายภายในเมืองเสียมเรียบ++
ใช้เงินดอลล่าห์เป็นหลัก เงินไทยใช้ได้แต่อัตราโหดมาก ดังนั้นควรแลกเงินดอลล่าห์เป็นเศษไว้ให้มาก หากอยู่ 3 วันควรแลกประมาณ 300 เหรียญสำหรับ 2 คน

  • ราคารถตุ๊กๆ นั่งได้ 2-4 คน อยู่ 3 - 10 เหรียญ วิ่งระหว่างถนนหลักอังกอร์ที่มีความยาว 2 กิโลเมตร แนะนำให้ลองนั่งตุ๊กๆ ไม่น่ากลัว และเหม็นกลิ่นถังแก็สเหมือนเมืองไทย เพราะทำจากรถมอเตอร์ไซด์ ที่สำคัญคือควรให้รอรับกลับ ถ้าทั้งวันก็ประมาณ 10 เหรียญ ให้เงินตอนจบเท่านั้น ถ้าให้ก่อนไม่รับประกันว่าจะรอ (ควรเตรียมแว่นกันแดด และผ้าปิดจมูกไปด้วย เพราะฝุ่นเยอะ แต่ไม่ใช้มลพิษ)
  • ราคาค่ารถทั้งวันอยู่ประมาณ 15 เหรียญ ส่วนใหญ่เป็น Toyota Camry ตั่งแต่รุ่นปัจจุบันถึง 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงเพราะดูแลดีใช้ได้ทุกคัน บางคันไม่มีทะเบียนก็ไม่ต้องตกใจ ไม่ใช้ขโมยจากเมืองไทย แต่เพราะที่เขมรนั้น เค้าใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ป้ายทะเบียน
  • ราคารถจักรยาน ประมาณ 4 เหรียญต่อวัน เป็นอีกทางที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวยุโรป แต่ไม่อยากแนะนำให้คนไทย เพราะอากาศร้อน และฝุ่นเยอะ แถมการจราจรก็วุ่นวาย อาจเกิดอุบัติเหตุได้ แนะนำให้ลองทำเป็นขี่และถ่ายรูปไว้พอแล้ว
  • Airport Transfer ประมาณ 5 - 8 เหรียญ สามารถเรียกได้ด้านนอกสนามบิน หรือให้ทางโรงแรมจัดมาให้ ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองแค่ 15 - 20 นาทีเท่านั้น
  • ค่าไกด์ส่วนตัวทั้งวัน ประมาณ 30 เหรียญ สามารถหาจากโรงแรมได้ บางคนพูดและอธิบายเป็นภาษาไทยได้ด้วย ไกด์ที่ถูกต้องจะได้รับใบอนุญาติและใส่เครื่องแบบไกด์ (เสื้อสีครีมมีป้ายติดที่แขน) ควรมีไกด์เป็นอย่างมากเพราะปราสาททุกที่มีที่มาที่ไป และรายละเอียดมาก หากแค่ไปดูและไม่รู้ประวัติศาสตร์จะไม่สนุก
  • ค่าเข้าชมปราสาทแล้วแต่จำนวนวัน สำหรับเราเลือกแบบ 1 วันราคาอยู่ที่ 20 เหรียญ (หากต้องการแบบเจาะลึก 3 วัน 7 วัน ก็ประมาณ 40 เหรียญ) นักท่องเที่ยวต้องหยุดซื้อบัตรที่ซุ้มทางเข้าครั้งเดียวและต้องเก็บบัตรไว้กับตัว เพราะต้องใช้เกือบทุกครั้งที่เข้าชมปราสาท โดยจะมีเจ้าหน้าที่ขอให้แสดงบัตรที่มีรูปถ่ายเรา (ถ่ายรูปตอนซื้อบัตร ให้รีบยิ้มและค้างไว้เลย เจ้าหน้าที่ไม่นับ 1 2 3 ให้เราหรอก)
  • ค่าอาหารแล้วแต่สถานที่ หากเป็นร้านอาหารทั่วไปราคาอยู่ที่ 5-8 เหรียญต่อมื้อต่อคน ถ้าเป็นอาหารโรงแรมห้าดาว อยู่ที่ 20 เหรียญต่อคนต่อมื้อ อาหารอร่อยทุกที่ มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ต้องห่วงเลย เพราะถูกปากคนไทยแน่ๆ
  • ค่านวด และสปาถูกกว่าที่เมืองไทยเล็กน้อย ประมาณ 30 - 50 เหรียญสำหรับร้านระดับดีที่ Old Market และ 45 - 95 เหรียญที่โรงแรมห้าดาวทั่วไป
  • การให้ทิปอยู่ที่การบริการและความพอใจของเรา ไม่ได้เป็นข้อกำหนดว่าต้องให้ ประมาณ 15% ของค่าใช้จ่ายก็เพียงพอแล้ว
++สิ่งที่ควรต้องนำไป++
  • ทุกอุปกรณ์ที่ป้องกันแดด เพราะการชมปราสาทต้องเดินกลางแจ้ง หากไม่ต้องการใส่หมวกเพราะถ่ายรูปและหน้าดำ ขอให้พกร่มที่มีกัน UV
  • รองเท้าต้องสบายและรัดส้น เพราะนอกจากเดินเยอะและต้องปีนป่ายด้วย
  • ผ้าปิดจมูก และน้ำตาเทียมเพราะฝุ่นเยอะ
  • ยาประจำตัว