แม่น้ำไนล์เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ยาว 6,825 กิโลเมตร ไหลจากใต้ขึ้นเหนือ กำเนิดจากทวีปแอฟริกาผ่านประเทศซูดาน อียิปต์ และไหลออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทุกวันนี้รายได้หลักของอียิปต์คือการผลิตน้ำมันส่งออก การท่องเที่ยว และการเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือผ่านสินค้าคลองสุเอช
เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria)
§ เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นเมืองท่าติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
§ เมืองอเล็กซานเดรีย สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อ 323 BC พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้านำกำลังขับไล่พวกเปอร์เซียที่ปกครองอียิปต์ และประกาศตนเป็นผู้ปกครองประเทศแทน แต่ภายหลังสิ้นพระชนม์ พโตเลมี ขุนพลคู่ใจได้ขึ้นครองอำนาจแทน และกลายเป็นฟาโรห์เชื้อสายกรีกแห่งอียิปต์ ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้าย ที่ปกครองอียิปต์จนเจริญรุ่งเรืองกว่า 300 ปี
o เชื้อสายพโตเลมีที่เป็นที่รู้จักคือพระนางคลีโอพัตราที่ 7 เป็นธิดาของพโตเลมีที่ 12 พระนางได้ขึ้นครองราชย์พร้อมกับน้องชายพโตเลมีที่ 13 ขณะนั้นโรมันได้แผ่ขยายอำนาจมาพระนางจึงใช้เสน่ห์ยั่วยวนจนได้อภิเษกกับจูเลียสซีซาร์แห่งโรมัน แต่เมื่อซีซ่าร์ถูกลอบสังหาร พระนางได้อภิเษกกับมาร์ค แอนโทนี เพื่อหวังใช้กองกำลังของโรมันปกครองบัลลังก์ ทำให้อ๊อกตาเวียน ผู้นำสูงสุดของโรมันขณะนั้นไม่พอใจ จึงได้ประกาศสงครามกับอียิปต์ พระนางและแอนโทนีตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ถูกจับเป็นเชลย
o หอสมุดอเล็กซานเดรียได้ชื่อว่าเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อ 2,000 ปีก่อน เป็นหอสมุดที่รวบรมแหล่งความรู้อันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติ แต่ได้ถูกไฟไหม้ลงเพียงไม่กี่ร้อยปีหลังจากที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันได้มีการสร้างหอสมุดใหม่เปิดให้บริการปี 2003 เป็นอาคารที่ได้รับรางวัลระดับโลก อาคารประกอบด้วยตัวอักษรภาษาต่างๆรวมทั้ง “ก” ของประเทศไทย
o สุสานใต้ดินคอม เอล ชาคาฟา (Kom el Shaqafa) ถูกค้นพบโดยลาที่เดินหล่นลงไปในปี คศ 1900 ได้รับคัดเลือกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลาง เพราะความอุตสาหะและเทคโนโลยีของคนเมื่อ 2,000 ปีก่อนที่สามารถขุดชั้นใต้ดินเป็นหินแข็งได้ลึกและสร้างเมืองใหญ่โต เจาะลึกลงไปหลาย 10 เมตร มีทางเดินยาวหลายกิโล สุสานแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ศิลปะตกแต่งได้รับอิทธิพลจากหลายวัฒนธรรม สามารถเก็บศพได้ถึง 50,000 ศพ
ไคโร (Cairo)
§ เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ เป็นเมืองที่มีมลพิษติดอันดับโลก เนื่องจากการจราจรที่ติดขัด การที่พื้นที่ติดกับทะเลทรายซาฮาร่าทำให้มีฝุ่นพัดเข้ามา รวมทั้งที่ติดแหล่งผลิตน้ำมันจึงทำให้อากาศเป็นพิษ
§ รถยนต์ที่วิ่งบนถนนเก่าประมาณ 30 ปี สภาพทรุดโทรม รอยถูกชนทั้งคัน ส่วนใหญ่เป็นรถยี่ห้อเปอร์โย เฟียต และโฟล์ก
§ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ มีหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนหนัก 14 กิโลกรัม และห้องแสดงมัมมี่ของฟาโรห์และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของอียิปตืกว่า 10 องค์ ส่วนใหญ่พบจากสุสานในหุบเขากษัตริย์ ในห้องปรับอุณหภูมิอยู่ที่ 22 องศาเพื่อให้เหมือนกับภายในสุสาน
o มัมมี่ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ได้รับความสนใจสูงสุด เนื่องจากเป็นผู้เกรียงไกรที่สุดของอียิปตื เป็นฟาโรห์ที่ครองราชย์นานถึง 67 ปี และสิ้นพระชนมืเมื่อพระชนมายุ 92 พรรษา
§ ตลาดข่านอัล-คาลิลี (Khan Al-Khalili) เป็นตลาดขายสินค้าพื้นเมืองสำหรับชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในไคโร เดิมเป็นตลาดของชาวเติร์ก ปัจจุบันเป็นเหมือนจตุจักรบ้านเรา ได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
พีรามิด
§ พีรามิด เป็นภาษากรีกหมายถึงขนมเค้กข้าวสาลี ที่มีรูปทรงคล้ายพีรามิด สำหรับคนอียิปต์เรียกพีรามิดว่า เมอร์ (Mer)
§ ยุคแรกๆสันนิษฐานว่าเป็นการนำดินมากลบทับหลุมศพ ต่อมาเมื่อเจริญขึ้น จึงนำเครื่องประดับของมีค่าใส่ลงไป พร้อมทำให้หลุมศพมั่นคงแข็งแรงขึ้น เรียกกว่า มาสตาบา (Mastaba) และต่อมาพัฒนาเป็นพีรามิดตามที่เห็น เพื่อเป็นบันไดสู่สวรรค์ ให้เข้าใกล้เทพราให้มากที่สุด
§ Imhotep อิมโฮเทป เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบสุสานฟาโรห์ที่กลายเป็นรูปทรงพีรามิด คนอียิปต์ให้การนับถือจนยกย่องให้เป็นเทพองค์หนึ่ง (หนังเรื่อง Mummy สร้งให้อิมโฮเทปเป็นตัวร้าย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวอียิปต์มาก)
§ ชาวอียิปต์เชื่อว่าการมีส่วนร่วมในการสร้างพีรามิดจะทำให้สามารถติดตามฟาโรห์ไปสวรรค์ในโลกหน้าได้ จึงเป็นความเต็มใจที่ร่วมกันสร้าง ซึ่งปกติจะใช้เวลาหน้าแล้วเป็นเวลาสร้างหลังจากการเก็บเกี่ยวเพาะปลูก
§ ไม่มีใครรู้ว่าคนโบราณใช้เทคโนโลยีอันใดมาตัดก้อนหิน วางเรียงซ้อนกัน มีทฤษฏีมากมายเกี่ยวกับการสร้างพีรามิด เช่นมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้าง หรือกลุ่มชนแอตแลนติสผู้มีอารยธรรมก้าวหน้าเป็นผู้สร้าง
§ พีรามิดทั้งหมดจะเอียงทำมุมประมาณ 50 องศา ต้องสร้างให้สูงใหญ่ ยิ่งสูงมากก็ยิ่งเข้าใกล้สวรรค์มากขึ้น
เมืองกีซ่า (Giza)
§ ตั้งอยู่ห่างจากไคโรประมาณ 10 กม เป็นกลุ่มพีรามิดที่มีชื่อเสียงและงดงามที่สุดในโลก ประกอบด้วย 3 พีรามิดตั้งเรียงกัน
o พีรามิดคูฟู (Pyramid of Khufu) เป็นพีรามิดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัสจรรย์ของโลกยุคโบราณ
สร้างในสมัยฟาโรห์คูฟู ซึ่งครองราชย์ระหว่าง 2579 – 2556 ปีก่อนคริสต์ศักราช ฐานพีรามิดเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ 230 เมตร ประกอบด้วยหินแกรนิตและหินปูนหนัก 2.5 ตัน ขนาดความสูง 5 ฟุต จำนวน 2.5 ล้านก้อนเรียงต่อกัน ก้อนหินที่หนักที่สุด หนัก 15 ตัน เรียงต่อขึ้นไปลดขนาดลงเรื่อยๆ จนถึงยอด ก้อนหินส่วนบนสุดมีขนาดสูงเพียง 21 นิ้ว และนับความสูงได้ 147 เมตร น้ำหนักรวม 6.5 ล้านตัน (ปัจจุบันความสูงลดลง 9 เมตรเนื่องจากฝนและพายุทะเลทราย)
ข้างๆพีรามิดมีพิพิธภัณสำคัญเป็นที่เก็บเรือไม้โบราณอายุ 4,000 ปี สันนิฐานว่าคือเรือพระอาทิตย์หรือสุริยะเภตราของฟาโรห็คูฟู สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นพาหนะนำพระองค์เดินทางไปสู่โลกหน้า
o พีรามิดคาฟรา (Pyramid Khafra) ผู้สร้างคือฟาโรห์คาฟรา เป็นโอรสของฟาโรห์คูฟู พีรามิดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินที่สูงกว่าพีรามิดคูฟูจึงดูเหมือนใหญ่ที่สุดในกลุ่มพีรามิดแห่งกีซา หน้าพีรามิดคาฟรามีสฟิงซ์ขนาดยักษ์ สูง 20 เมตร ลำตัวยาว 74 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฝ้าอยู่ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ พละกำลังคือสิงโตผสมกับปัญญาความรู้คือใบหน้าของมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่เมื่อมีการศึกษารากฐานหินปูนที่ใช้ก่อสร้างมีอายุประมาณ 9,000 ปีหรืออาจจะนานกว่านั้น ซึ่งหมายความว่าสฟิงซ์ตัวนี้สร้างมาก่อนพีรามิดคาฟราที่มีอายุเพียง 4,500 ปี สำหรับชาวอียิปต์ สฟิงซ์คือเทพเจ้าฮาร์มาคิส (Harmakhis) มีหัวเป็นมนุษย์ ร่างกายเป็นสิงโต
o พีรามิดเมนคาอูเร (Pyramid Menkaure) เป็นพีรามิดที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาพีรามินแห่งกิซา สร้างโดยฟาโรห์เมนคาอู โอรสของฟาโรห์คาฟรา สันนิฐานว่าที่สร้างพีรามิดให้มีขนาดย่อมนั้นเนื่องมาจากเงินท้องพระคลังหมดหลังจากสร้างพีรามิดคูฟู และพีรามิดคาฟรา
เมืองลักซอร์ (Luxor)
§ Luxor มีความหมายว่าพระราชวัง เป็นเมืองโบราณที่ยังคงร่องรอยอารยธรรมอียิปต์โบราณมากที่สุด เป็นที่ตั้งของวิหารคาร์นัก (Kanak) สุสานกษัตริย์ (Valley of the Kings) และวิหารของพระนางฮัตเชปสุต (Djeser-Djeseru Hatshepsut’s Temple)
§ ภายในเมืองลักซอร์คือที่ตั้งของนครธีบส์ (Thebes) อันเป็นเมืองหลวงของอียิปต์ยุคใหม่ (1570-1070 ก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของอียิปต์ นครธีบส์ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ ตามหลักความเชื่อว่าเป็นฝั่งคนมีชีวิต
§ Valley of the Kings: ปากทางเป็นรูปปั้นเมมมอน (Memmo) ขนาดสูง 18 เมตร เป็นผู้พิทักษ์สุสาน สร้างโดยฟาโรห์อาเมนโนฟิสที่ 3 (Amenophis III) 3,000 ปีก่อน เพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์ แต่จากภัยธรรมชาติปัจจุบันจึงเหลือแค่รูปปั้นยักษ์ 2 ตนเท่านั้น ปากทางเข้าสุสานเป็นตัวอาคาร มีโมเดลแสดงที่ตั้งของสุสานจำนวน 62 แห่งที่ขุดพบ แต่ละสุสานจะมีตัวอักษร KV (Kings Valley)
§ สุสานของฟาโรห์รามเสสที่ 3 เป็นกษัตริย์นักรบคนสำคัญ ภายในมีอุโมงค์ยาวถึง 125 เมตร ตามกำแพงมีภาพวาดสีงดงาม ซึ่งชาวอียิปต์โบราณใช้แร่เป็นส่วนประกอบของสีจึงทำให้มีอายุคงทนถึง 3,000 ปี เนื้อหามักเป็นเรื่องราวชีวิตหลังความตาย เมื่อคา (วิญญาณ) ของผู้ตายได้ออกจากร่างมัมมี่ เทพอนูบิส (Anubis) เทพแห่งความตายผู้มีรูปร่างเป็นคน ศรีษะเป็นสุนัขจิ้งจอกสีดำจะผู้ดูแลศพไม่ให้เปื่อยเน่า และเทพไอซิส (Isis) จะมาต้อนรับและพานั่งเรือข้ามแม่น้ำไปสู่แดนมรณะที่มีเทพโอซิริส (Osiris) เป็นผู้ตัดสินว่าใครจะขึ้นสวรรค์ โดยนำหัวใจชั่งกับตาชั่ง หากหัวใจเบากว่าขนนกกระจอกเทศ ก็จะได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากหนักกว่าเทพอนูบิสจะโยนหัวใจให้กับอัมมุต (Ammut) อสูรร้ายที่มีศีรษะเป็นจรเข้ ลำตัวเป็นสิงโตกัดกิน
o สุสานตุตันคาเมน (KV 62) เป็นสุสานฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 18 ครองราชย์เพียง 10 ปี โดยสิ้นพระชนม์ในวัย 18 พรรษา สาเหตุที่เป็นสุสานที่โด่งดังเนื่องจากเป็นสุสานแรกที่ค้นพบโดยยังคงเหลือกรุสมบัติมากที่สุด รวมถึงหน้ากากทองคำ โลงศพทองคำ และทรัพย์สินมีค่าต่างๆรวมกว่า 5,000 รายการ
§ Howard Carter เป็นผู้ค้นพบสุสานตุตันคาเมน จากการสนับสนุนทางการเงินของ Lord Carnarvon เขาได้พบสุสานประกอบด้วยห้อง 4 ห้อง โดย 3 ห้องแรกอัดแน่นไปด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ ส่วนห้องสุดท้ายคือห้องบรรจุโลงหิน ฝาโลงทำด้วยแกรนิตสีชมพู ภายในมีโลงศพ 3 ชั้น สองชั้นแรกเป็นหีบแกะสลัก ก่อนถึงหีบพระศพทองคำฝังด้วยอัญมณีและแก้วหลากสี และมีมัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคาเมนประทับอยู่อย่างสงบ
o ฟาโรห์ยุคใหม่ที่ปกครองอียิปต์ไม่นิยมสร้างพีรามิดเนื่องจากสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และมักถูกโจรลักลอบเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ฟาโรห์รุ่นหลังจึงทำสุสานเป็นอุโมงค์เข้าไปในภูเขา ดังมีลักษณะคล้ายกับฮวงซุ้ยของคนจีน
§ วิหารฮัตเชปสุต หรือเดียร์ อัล บาฮาลี อันมีความหมายว่าวิหารฝั่งเหนือ พระนางฮัตเชปสุตเป็นฟาโรห์หญิงองค์แรกและองค์เดียวของอียิปต์ วิหารฮัตเชปสุต เป็นอาคารหินปูนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าหุบเขากษัตริยื สร้างโดยฝีมือของนักบวช นามว่า เซนมุต วิหารฮัตเชปสุดนั้นได้ถูกแผ่นดินถล่มทำให้จมอยู่ใต้ทะเลทรายหลายพันปี และเพิ่งมีการขุดพบเมื่อ 100 ปีกว่ามานี้เอง ด้านหน้าวิหารเป็นระเบียงขนาดใหญ่ มีเสาสลักหินของพระนางฮัตเชปสุตใส่ชุดฉลองพระองค์เป็นเทพเข้าโอซิริส จึงถูกเรียกว่าเสาโอซิริส ด้านหลังเสาเป็นภาพแกะสลักหิน การขนย้ายแท่งหินโอบิลิสกืจากอัสวานมาตามแม่น้ำไนล์
o ในประวัติศาสตร์อียิปต์มีราชินีที่มีชื่อเสียงอยู่ 3 พระองค์ คือ พระนางคลีโอพัตรา พระนาเนเฟอร์ติติ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชินีผู้มีพระสิริโฉมงดงามที่สุด และ พระราชินีฮัตเชปสุต ฟาโรห์หญิงที่มีความสามารถมากสุด
o พระนางฮัตเชปสุตเป็นธิดาของฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 พระนางได้สมรสกับฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 2 และก้าวสู่ตำแหน่งราชินี ซึ่งกุมอำนาจทั้งในและนอกราชสำนัก ภายหลังเมือฟาโรห์สิ้นพระชนม์ และพระนางไม่มีพระโอรส ประกอบกับประเพณีอียิปต์ไม่อนุญาติให้สตรีขึ้นเป็นฟาโรห์ พระนางจึงแต่งตั้งพระโอรสของทุตโมซิสที่เกิดจากสนมเล็กๆคนหนึ่งขึ้นครองราชย์แทน แต่อำนาจกลับอยู่ที่พระนาง ดังนั้นรูปสลักของพระนางจึงสวมเครายาว อันเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์ พระนางครองราชย์อยู่ถึง 20 ปี และทำให้อียิปต์รุ่งเรืองทางการค้า และงานสถาปัตยกรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน คือ วิหารฮัตเชปสุต และเสาโอบิลิสก์ในมหาวิหารคาร์นัก
o วิหารคาร์นัก (Karnak) วิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้น มีความยาว 1.5 กิโลเมตร กว้าง 800 เมตร ใช้เวลาสร้างนับพันปี ในสมัยฟาโรห์ไม่ต่ำกว่า 30 พระองค์ วิหารคาร์นักอยู่ห่างจากลักซอร์ 3 กิโลเมตร ปากทางเข้ามีสฟิงซ์ ไครออส (หัวเป็นแกะและร่างเป็นสิงโต) และซุ้มประตูสร้างเป็นหอใหญ่ เรียกว่า ไพลอน (Pylon) สูงหลายร้อยฟุต และหนาหลายสิบฟุต ด้านในมีเสาไพลอนอีกมากมาย รายล้อมวิหาร รวมถึงห้องโถงที่ใหญ่สุดลูกหูลูกตา หัวใจสำคัญของวิหารคือ วิหารอามุน-รา มีห้องโถงขนาดใหญ่ แบบ Hypostyle ปากทางมีรูปปั้นของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ด้านในประกอบด้วยเสาหินต้นปาปิรุส ทุกต้นใหญ่เท่าขนาด 10 คนโอบ จำนวน 137 ต้น แต่ละต้นสูง 23 เมตร พื้นที่ทั้งห้องอยู่ที่ 6,000 ตารางเมตร
o จากวิหารอามุน – รา เป็นเสาโอบิลิสก์ สีเหลี่ยมสูงเสียดฟ้า ยอดปลายเรียวคล้ายแท่งเข็ม เป้นเสาหินตัดแท่งเดียวไม่มีรอยต่อ ทำด้วยหินแกรนิตสีชมพู ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพสุริยเทพ และพลังแห่งชีวิต
o อามุนเดิมทีเป็นเทพท้องถิ่นของเมืองธีบส์ แต่เมื่อเมืองธีปสืกลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรใหม่ เทพอามุนจึงได้รับการยกย่องนับถือ ทัดเทียมกับเทพรา
§ วิหารลักซอร์ เล็กกว่าวิหารคาร์นัก 5-6 เท่า มีสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกัน สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพมัต พระชายา และเทพคอนซู เป็นเหมือนฮาเร็มที่อยู่ของฝ่ายหญิง
อัสวาน (Aswan)
§ อัสวานโด่งดังขึ้นมาเมื่อมีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำไนล์ในสมัยประธานาธิบดีนัสเซอร์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ารองรับอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตในช่วงนั้น เขื่อนสร้างเสร็จในปี คศ 1972 ใช้คนงานก่อสร้าง 30,000 คน เป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำไนล์ ขนาดยาว 3,830 เมตร สูง 111 เมตร คลุมพื้นที่กว่า 3,750,000 ไร่ สามารถผลิตไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิด 12 เครื่องได้ประมาณ 2,000 เมกกะวัตต์ (เขื่อนภูมิพลผลิตได้ประมาณ 700 เมกกะวัตต์)
§ ผลกระทบ คือ ทำให้อาณาจักรเก่าแก่ของชาวนูเบีย และโบราณสถานกว่า 23 แห่งต้องจมอยู่ใต้น้ำ อีกทั้งยังทำให้ตะกอนดินที่อุดมสมบูรณืที่อยู่ต้นแม่น้ำไม่สามารถไหลลงมาที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำได้ ทำให้ต้องใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงจนสูงติดอันดับโลก
§ นานาชาติได้ยื่นมาเข้ามาช่วยในการย้ายโบราณสถาน ซึ่งก็สามารถย้ายได้เพียง 14 แห่ง เทวสถานที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ
o วิหารฟิเล (Philae) ปัจจุบันนี้ตั้งอยู่บนเกาะอากิลคีย์ ถูกสร้างขึ้นในยุคราชวงศ์พโตเลมี สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีไอซิส ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพีแห่งความรักและเทพีแห่งเวทมนตร์ ห้องบูชาเทพีไอซิสเป็นห้องที่เก่าแก่ที่สุดของวิหาร เคยมีรูปปั้นของเทพีไอซิสทำด้วยหินแกรนนิตแดง ให้ผู้คนกราบไหว้ แต่ปัจจุบันถูกนำไปตั้งโชว์ที่ British Museum นานาชาติและองค์การยูเนสโกได้ทำการย้ายวิหารที่อยู่ใต้น้ำระหว่างปี 1972-1980 ด้วยการสร้างทำนบล้อมรอบเกาะ สูบน้ำออกและค่อยๆย้ายหินจำนวน 40,000 ก้อนมาไว้บนเกาะอากิลคีย์และทำเป็นวิหารใหม่ สูงกว่าเดิม 20 เมตร
o วิหารอาบูซิมเบล (Abu-Simbel) ตั้งอยู่เกือบติดกับชายแดนอียิปต์-ซูดาน เป็นวิหารหินทรายอายุกว่า 3,000 ปี สร้างในสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 2 เพื่อบูชาเทพอามุน-รา ด้านหน้าวิหารเป็นหน้าผาหินแกะสลักเป็นรูปปั้นสูง 20 เมตรของฟาโรห์รามเสสที่ 2 จำนวน 4 รูป ด้านในห้องก็มีรูปปั้นของฟาโรห์รามเสสที่ 2 อีก 8 รูป พร้อมกับอักษรฮีโรกลิฟฟิกบนกำแพงที่สดุดีวีรกรรมของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ลึกเข้าไปมีห้องศักดิ์สิทธิ์ มีรูปปั้นหินของเทพ 4 องค์ ซึ่งจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มากราบไหว้สักการะรูปปั้นทั้ง 4
§ วิธีขนย้ายวิหาร คิดค้นโดยนักออกแบบชาวสวิสเซอร์แลนด์ โดยการตัดวิหารออกเป็นชิ้นๆและค่อยเคลื่อนย้ายด้วยปั้นจั่น และนำมาประกอบใหม่ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ปี แรงงานกว่า 1,000 คน วิศกร 200 คน มาประกอบหินกว่า 1,068 ชิ้น แต่ละชิ้นหนัก 20-30 ตัน
§ ปรากฏการณ์ที่สำคัญของวิหารคือการที่ลำแสงอาทิตย์จากอรุณรุ่งจะพุ่งไปกระทบรูปปั้นทั้ง 4 ที่อยู่ลึกไป 65 เมตร เป็นแสงสว่างเรืองรองประมาณ 5 นาที ซึ่งจะเกิดขึ้น 2 ครั้งต่อปี คือในวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์และเดือนตุลาคม
§ ข้างวิหารอาบูซิมเบล คือ วิหารพระราชินีเนเฟอร์ตารี พระมเหสีองค์แรกผู้ทรงรักมากที่สุดในบรรดามเหสี 51 องค์
เทพเจ้าของชาวอียิปต์
§ เทพเร หรือรา คือ เทพแห่งดวงอาทิตย์ เป็นเทพสูงสุดของชาวอียิปต์ในสมัยอาณาจักรเก่า เป็นเทพเจ้าแห่งความเป็นอมตะมี
§ เทพอามุน-รา เดิมเป็นเทพท้องถิ่นประจำเมือธีปส์ ต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าสูงสุดในสมัยอาณาจักรใหม่
§ เทพโอซิริส (Osiris) เทพีไอซิส (Isis) และเทพฮอรัส (Horus)
o ตามตำนานเล่าว่าโอซิริสเป็นเทพองค์หนึ่งที่แบ่งภาคมาเกิดเป็นมนุษย์และเป็นกษัตริย์ของอียิปต์ ทรงมีเทพีไอซิสน้องสาว เป็นชายา และมีโอรสคือเทพฮอรัส ทั้งสองปกครองแผ่นดินด้วยความสงบสุขร่มเย็น สร้างความอิจฉาต่อเทพเซธ (Seth) พระอนุชา จึงวางแผนหลอกให้เทพโอซิริสเข้าไปนอนในโลงศพและปิดฝาโยนลงแม่น้ำไนล์ เทพีไอซิสได้ออกตามหาศพเพื่อมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา จนพบโลงศพ แต่เทพเซธมาทันและหั่นร่างของเทพโอซิริสเป็น 14 ส่วนนำไปโยนทั่วอียิปต์ เทพีไอซิสใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมส่วนประกอบ ขาดแต่อวัยวะเพศที่ถูกปลาในแม่น้ำไนล์กัดกิน เทพีไอซิสจึงร่ายเวทย์มนต์ให้อวัยะนั้นกลับคืนมา จึงได้ประกอบพิธีทางศาสานและฝังท่านบนเกาะฟิเล ทำให้วิญญาณท่านกลับส่งแดนมรณะ กลายเป็นเทพผู้ตัดสินความตายและการกลับคืนฟื้นคืนชีพ
o เทพโอซิริมีลักษณะเหมือนกษัตริย์ มีเครา ถือแส้และคทาหัวขอ เทพีไอซิสมีรูปร่างเป็นสตรี สวมหมวกรูปบัลลังก์ เทพฮอรัสมีศรีษะเป็นเหยี่ยว
ความเชื่อของคนอียิปต์
§ พระอาทิตย์มีอิทธิพลกับความคิดและความเชื่อของคนอียิปต์ อาทิเช่น
o เชื่อว่าทิศตะวันออกเป็นทิศของคนเป็น จึงนิยมสร้างบ้านเรือนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ และฝั่งตะวันตกเป็นทิศของคนตายจึงนิยมสร้างพระราชวังวิหารบูชาเทพเจ้า รวมถึงสุสานและพีรามิด
o เชื่อว่าคนตายแล้วจะกลับคืนชีพมาใหม่เหมือนดวงอาทิตย์ที่จะขึ้นมาใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีสุริยเทพชื่อ “รา” ที่ได้รับการบูชาเป็นเทพสูงสุดที่ถูกส่งมาปกครองโลก
อื่นๆ
§ อินทผลัม เป็นพืชเฉพาะถิ่นที่ชาวอียิปต์ปลูกกันมาตั่งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เป้นพืชตระกูลปาลม์ชนิดหนึ่ง ขึ้นดีในภูมิอากาศที่แห้งแล้งแม้ในทะเลทราย อินทผลัมสด ลูกสีแดงมีรสชาติหวานกรอบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก
§ วิธีการทำมัมมี่ เริ่มจากการใช้ตะขอเกี่ยวเอามันสมองออกมาทางโพรงจมูก ควักลูกตาออกแทนที่ด้วยลูกแก้ว รวมทั้งเอาตับ ไต ลำไส้ กระเพาะอาหาร ออกมาบรรจุในโถคาโนปิก (Canopic) แล้วเอาน้ำมันสีดำอัดแทนที่เข้าไปเพื่อไม่ให้ร่างกายยุบ ต่อมาจึงนำร่างกายไปแช่น้ำยานาตรอนเป็นเวลา 70 วัน จนร่างกายแห้งสนิทไม่เน่าเปื่อย แล้วจึงพันด้วยผ้าลินินชุบน้ำยานาตรอนตลอดร่างยกเว้นใบหน้า
§ Nubian คือ ชนเผ่าที่มีเชื่อชาติผสมกันระหว่างอียิปต์และอัฟริกา อาศัยอยู่ในแผ่นดินนูเบีย เขตอัสวาน ซึ่งต่อมาถูกทำลายจากการสร้างเขื่อนอัสวาน (High Dam)