About Me

รูปภาพของฉัน
Bangkok, Thailand
นักเดินทางอิสระ

8/30/2552

Day 8: ฟลอเรนซ์ เดวิด

Florence เป็นเมืองหลวงของแค้วนทัศคานี (Tuscany) Florence แปลว่าความอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาร์โน เป็นแหล่งกำเนิดศิลปะยุคเรอเนสซองส์ ด้วยการสนับสนุนของตระกูลเมดิซี่ ที่เป็นตระกูลสำคัญของเมือง Florence นอกจากการเดินทางทางรถบัสแล้ว คุณยังสามารถมาทางเครื่องบิน โดยลงที่สนามบิน Amerigo Vespucci หรือนั่งรถไฟ Eurostar Italia มาลงที่สถานนีมาเรีย โนเวลลาได้ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1.40 ชั่วโมงเอง

ช่วงเช้าวันนี้เราจะไปกันที่ Galleria dell’ Accademia เพื่อดูรูปแกะสลักของ David แต่ก่อนจะดู David ไกด์ท้องถิ่นของเราคนใหม่ ก็ให้เราแวะที่ห้องแรก เพื่อดูรูปพลาสเตอร์ Ratto del Sabine หรือซาบิเน่ถูกข่มขืนที่ปั้นโดยแจบโบโลญา ซึ่งจัดองค์ประกอบได้อย่างดีเยี่ยม และยังสามารถเดินชมได้ทุกมุม โดยแต่ละมุมจะให้ความรู้สึกและเรื่องราวตามจินตนาการของเรา จากนั้นเราเดินผ่านเพื่อเข้าดู David โดยระหว่างทางเดินก็จะมีประติมากรรมต่างๆตั้งเอาไว้ รวมถึงรูปแกะสลักของ David ที่ยังไม่เสร็จ ซึ่งพี่ไมค์เราเรียกว่า Prisonner ที่เหมือนกำลังจะ break ตัวเองออกมา จนมาถึง David ตัวจริงที่ยืนเดินเป็นสง่าอยู่กลางห้อง ขอบอกว่าตกใจมาก เพราะใหญ่มากๆ และน่าทึ่ง ถึงขั้นน้ำตาไหลด้วยความปิติ David นั้นเป็นฝีมือของพี่ไมค์อีกแล้วค่ะ แกะตอนอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น ความโดดเด่นของ David นั้นอยู่ที่การเป็นรูปปั้นที่แสดงสีหน้าและความกังวล เป็น moment ที่ David กำลังจะปาหินใส่ยักษ์ Goliath เราจะเห็นคิ้วที่ขมวด แต่สายตาแน่วแน่ นอกจากนั้น David ยังเป็นหินที่แตกเว้า แต่ด้วยความสามารถของพี่ไมค์สามารถเปลี่ยนให้เป็นโอกาส โดยเปลี่ยนส่วนที่แตกเว้าเป็นแขนที่มีส่วนเว้าออกจากตัว นอกจากนั้นยังเห็น anatomy หรือเส้นเลือด กล้ามเนื้อเหมือนคนจริงๆ พี่ไกด์เราให้ฟังว่า ก่อนที่จะแกะสลักนั้น พี่ไมค์ต้องศึกษาร่างกายของคนโดยการขุดศพขึ้นมาดูกันจริงๆ …. บรื้อ น่ากลัวจั้ง ค่าเข้าชม 6.50 ยูโร ควรจองบัตรล่วงหน้า โดยเสียค่าจองที่ 3 ยูโร หมายเลข 055-294-883 สำหรับพวกเราที่มากับ Globus สามารถเข้าได้โดยไม่ต้องต่อแถวเพราะ Elio ได้มาจัดการไว้ให้หมดแล้ว


รูปปั้นจำลอง Ratto del Sabine (ด้านในพิพิธภัณฑ์ไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ)


รูปปั้นจำลองเดวิด

จากนั้นเราเดินกันต่อ ไปชม Duomo โบสถ์ที่ใช้หินอ่อน 3 สี จาก 3 เมือง เป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในอิตาลี และแวะที่ Bell Tower เพื่อถ่ายรูป










ในช่วงบ่ายเราตัดสินใจไม่จอย optional tour จึงมีเวลาเป็นอิสระในการเดินชมเมืองของพวกเราเอง Florence เป็นเมืองเล็ก ไม่มีรถไฟใต้ดิน มีแต่รถประจำทาง ภายหลังจากดูแผนที่แล้ว สรุปได้ว่าเราเดินกันเองก็น่าจะได้ โดยเริ่มต้นขอไปชม Point Vechio สะพานเวคิโอที่ข้ามแม่น้ำอาร์โน สร้างขึ้นศตวรรษที่ 14 เป็นสะพานมีหลังคาคลุม มีร้านขายของอยู่สองข้างทาง เป็นสะพานที่อยู่รอดจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นเราเดินช้อปปิ้งเล่นๆ ในเมืองเจอร้าน Designer เหมือนเดิม แต่คอลเลคชั่นมากกว่าโรม ซึ่งสงสัยจะเป็นเพราะที่โรมขายดีมาก ทำให้ของเติมไม่ทัน และยังเจอร้านขายสินค้า Multibrands ต่างๆ มากมาย สำหรับ Florence เรายังอยากอยู่ต่ออีกสักวัน เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ให้เราเที่ยวชม อาทิเช่น Space outlet ของ Prada & Mui Mui, Palazzo Vecchio เดิมเป็นวังแต่ปัจจุบันเป็นที่ว่าการรัฐ หรือ Uffizi Gallery ที่เป็นแหล่งรวบรวมผลงานยุคเรอเนสซองซ์ มีผลงานกว่า 1,700 ชิ้น รวมถึง Birth of Venus ซึ่งเป็นรูปภาพวีนัสบนเปลือกหอยครึ่งฝาของบอตเชลลี บอกตามตรงว่าเสียดายจริง แต่ถ้ามีโอกาสจะกลับมาใหม่อีกแน่นอนจ้า บาย บาย Florence


จุดนั่งเล่น กินกาแฟ บางที่ต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับค่านั่งข้างนอก
ทางที่ดีควรเช็คก่อนเข้าทาน

น้องหมานั่งตากแดดที่ลานกว้าง

แม่น้ำอาร์โน

สะพานเวคิโอจ้า ....



ร้านรวงบนสะพานเวคิโอ

ส่วนใหญ่เป็นร้านขายทองค่ะ

ร้านอาหารแบบ Self Service ที่เราฝากท้องไว้ช่วงกลางวันค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น