ตามกำแพง หนุ่มสาวชอบมาเขียนชื่อขอความรักกัน
ถึงแล้ว Juliette Balcony แต่คนที่โผล่มาไม่ใช่นะ
จูน ... เค้าชอบจัง ใหญ่ดี
ตลาดสดกลางเมืองเวโรน่า
ผลไม้สดมาก สตอเบอร์รี่ก็อร่อยจริงๆ
ร้านอาหารเยอะแยะไปหมด
หลังจากเวโรน่า เราเดินทางอีกแค่ 1.3 ชั่วโมงก็มาถึงเวนิส รถบัสของเราต้องจอดอยู่บนสถานีรถไฟเพราะบนเกาะไม่มีถนน ที่เวนิส เราพักที่ Carlton & Grand Canal (Vanezia) ซึ่งอยู่บนเกาะเวนิส โรงแรม Carlton เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวตกแต่งสวยงาม แต่ห้องหับเล็กไปหน่อย เข้าพักเหนื่อยเราก็ออกมาทดสอบความสับสนของถนนในเวนิส ก่อนถึง Elio ได้บอกแล้วว่า ไม่มีทางที่จะไม่หลงบนเกาะ และไม่มีแผนที่ไหนที่ละเอียดพอ ดังนั้นไม่ต้องกลัว เพราะหลงแน่ แค่หาทางเดินกลับ Santa Croce เท่านั้นก็จะหาโรงแรมเจอ
ช่วงบ่ายวันนี้เรามีเวลาเป็นของตัวเอง สามารถเดินสำรวจเวนิสได้ด้วยตัวเอง เราทำตามที่ Elio บอก คือ มองป้ายตามทางสีเหลืองๆ ไปที่ San Marco และ Rialto Bridge ถามว่ายากไหม ก็ไม่ค่อย แต่บางครั้งป้ายก็ชี้ไปทั้งสองทาง ไม่รู้จะไปทางไหนดี จะเดินกลับก็ไม่เคยถูกทางเดิมที่มา จนสุดท้ายก็ช่างมันแล้วกัน เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึง San Marco & Rialto Bridge
Venice หรือเวเนเซีย ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอะเดรียติก มีพื้นที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยน้ำ มีแกรนด์คาแนลไหลผ่านกลาง แต่เดิมเวนิสเป็นเมืองท่าค้าขายกับทั่วโลกและเป็นรัฐอิสระ จน ปี 1860 ที่ได้มารวมกับอิตาลี บุคคลที่มีชื่อเสียงของเวนิส คือ มาร์โคโปโล นักเดินทางของโลก Venice มีเกาะน้อยๆกว่า 117 เกาะ มีคลอง 150 คลอง และสะพานกว่า 409 สะพาน
วันนี้เราเดินเล่นกันพอหอมปากหอมคอ ทานอาหารเย็นที่ร้านข้าง Grand Cannel และกลับโรงแรมของเรา ซึ่งไม่ต้องห่วง เพราะหลงอีกเช่นเคย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น