พวกเราเช็คเอาท์จากโรงแรมกันตอนสิบโมงเช้าเพื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือสำหรับเดินทางไป Capri (คาปลี) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสำราญแห่งเมดิเตอร์เรเนียน ใช้เวลานั่งเรื่อประมาณ 20 นาที ก็ถึง เพราะเกาะ Capri ห่างจาก Sorrento แค่ 5 กิโลเมตรเท่านั้น วันนี้พวกเราได้ไกด์ชายหนุ่ม ชื่อ Sascha พูดได้ 3 ภาษา ปัจจุบันกำลังศึกษาภาษาญี่ปุ่นจากแฟนสาวที่เป็นไกด์เหมือนกัน พูดถึงหนุ่มอิตาลีแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ เพราะเป็นที่เจอมาตลอดเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แถมเจ้าชู้เล็กๆ พอขำๆ ที่สำคัญ แต่งตัวเก่งมาก ถึงมากที่สุด สามารถแม็ชกางเกงเขียวกับเสื้อม่วงได้อย่างสบายๆ โดยไม่ดูเป็นเก้งหรือกวางด้วยนะ …
ท่าเรือก่อนขึ้นไปเกาะคาปลี
ผลไม้สดๆ ก่อนขึ้นเรือ
บาย บาย Sorrento
โปรแกรมของเราวันนี้คือเข้าชมเมือง Capri และชม Blue Grotto หรือถ้ำมรกตนั่นเอง พอถึงเกาะคาปลี ภาพแรกที่เห็นคือ ท่าเรือ Marina Grande เล็กๆ น่ารัก เต็มไปด้วยผู้คน และเรือจอดอยู่ อากาศดี ฟ้าแจ่ม ช่างมีความสุขจริงๆ พวกเรารอไกด์สักพักว่าจะให้ขึ้นเรือลำใดต่อไปเพื่อไป Blue Grotto สักพักเราได้ทราบข่าวไม่ค่อยดีจากไกด์ ที่แจ้งว่า ระดับน้ำทะเลวันนี้ค่อนข้างสูง ทำให้เปอร์เซ็นต์ที่เราจะได้เข้าไปดู Blue Grotto ค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก แต่ยังไงอาจจะยังมีโอกาส ไกด์เลยพาเราไปเที่ยวที่ Anacapri (Ana แปลว่า “บน”) หรือเมืองด้านบนของคาปลีกันก่อน
มองเห็นคาปลีมาไกลๆ
ถึงแล้วค่ะ เกาะคาปลี
สีสันของท่าเรือ Marina Grande
เส้นทางไป Anacapri ค่อนข้างหวาดเสียวพอสมควร รถใหญ่สวนกันบนถนนเส้นเดียว แถมคดเคี้ยวเลี้ยวลด บางครั้งหักศอกกันเลยทีเดียว ไกด์เราแจ้งว่าไม่ต้องกลัว เพราะไม่เคยมีอุบัติเหตุ ถ้ามีก็ตายหมดเพราะตกเหวทั้งคัน ถึงจะน่ากลัวแต่วิวทิวทัศน์สวยจับใจจริงๆ … สักพักเราเดินทางมาถึง Anacapri เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรแค่ 5,000 คน ถ้าใครมา เราขอแนะนำให้ขึ้นไปดูวิวบนยอดเขา โดย chair lift ราคา 8 ยูโร ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึง เสียวๆ นิดหน่อยตอนนั่ง chair lift แต่สักพักก็ชิน ด้านบนเราจะเห็นภูมิทัศน์รอบๆเกาะ และ Sorrento Peninsula เหมาะกับการถ่ายรูป และนั่งจิบกาแฟช่วงอากาศดีๆ เราใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 40 นาที ก็กลับลงมาที่ Anacapri เดินเล่นตามถนนซอกซอยต่างๆ ชวนให้นึกถึง Greece จริงๆ
Chair Lift ขึ้นไปดูวิวด้านบนของเมือง Anacapri
วิวสวยระหว่างนั่ง Chair Lift
ถึงแล้วค่ะ วิวดี ดอกไม้ก็สวยมาก
Faraglioni จากมุมด้านบน Anacapri
หลังจากทานข้าวกลางวันเรากลับมาที่ คาปลีอีกครั้ง พร้อมความคาดหวังว่าจะได้เห็น Blue Grotto สำหรับฉัน เคยได้ยินคุณแม่บอกว่าคุณยายเคยมาและบอกว่าสวยมากๆ จึงเป็นสถานที่ๆ ต้องการเห็นด้วยตาจริงๆ แต่โชคคงไม่เป็นใจ หรือคงต้องการให้เราได้กลับไปอีก เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็น แต่มาทั้งที ก็ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆถึงประวัติ Blue Grotto แล้วกัน Blue Grotto หรือภาษาไทยอาจเรียกได้ว่าถ้ำมรกต ถูกค้นพบปี 1826 มีขนาดกว้าง 45 เมตร และยาว 54 เมตร สูง 15 เมตร ทางเข้าถ้ำสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงเมตรเศษๆ จึงทำให้เมื่อน้ำขึ้นจะไม่สามารถเข้าไปดูได้ ด้านในเขาเล่ากันว่าสวยมากจริงๆ เพราะแสงแดดที่ส่องเข้ามาจะสะท้อนกันสว่างทำให้ถ้ำเป็นสีฟ้ากระจ่างใส (เสียดายจริงๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เห็น …. คงต้องอ้อนวอนคุณสามีให้กลับมาด้วยกันอีกครั้งนะ)
มาถึงคาปลีทั้งที เราไม่ได้ไปดู Blue Grotto ทางไกด์เราก็ให้ไปดู Faraglioni แทน Faraglioni เป็นเหมือนเขาหินตะปูของเรา และแวะไปดู little Blue Grotto ถ้ำเล็กๆที่คล้ายๆกับ Blue Grotto … ก็ยังดีนะ พอจะทำให้เรานึกภาพออกอยู่บ้าง
กำลังนั่งเรือไปดู Faraglioni กันค่ะ
Little Blue Grotto
Little Blue Grotto
ถึงแล้ว Faraglioni เรือของเรากำลังจะลอดตรงกลางค่ะ
จากนั้นก็แวะขึ้นเกาะอีกครั้งไปเดินเล่นที่เมืองคาปลีกัน ขอบอกว่าชอบมากๆ เต็มไปด้วยโรงแรมห้าดาว ร้านค้า ร้านกาแฟน่ารักๆ และ Designer Labels แทบทุกยี่ห้อ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ขอแนะให้พักสัก 2 คืนกำลังดี ใช้ชีวิตอย่างไฮโซได้เลยที่นี่ เพลิดเพลินสักพัก จนเกือบฉก Prada อีกใบ คุณไกด์แจ้งว่าถึงเวลาต้องกลับโรมแล้วจ้า ครั้งนี้เรานั่ง Hydrofoil ตรงกลับไปที่ Naples ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เมาเรือเล็กน้อย และนั่งรถทัวร์กลับไปที่โรม ถึงประมาณ 3 ทุ่ม เพื่อเข้าพักที่ Albini Hotel และ join กลุ่มทัวร์ Globus ในวันรุ่งขึ้น (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาปลี www.capritourism.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น